ดอกไม้สีน้ำเงิน หรือสีฟ้า อาจจะไม่ค่อยได้พบเห็นกันบ่อยเท่าไหร่นัก แต่ว่าบางชนิดก็ออกดอกให้สีที่ใกล้เคียง อย่างสีน้ำเงินแกมฟ้า เช่น ฟ้าประดิษฐ์ มอร์นิ่งกลอรี่หรือผักบุ้งฝรั่ง ลานไพลิน แวววิเชียร พยับหมอก อกาแพนทัส ส่วนโทนสีน้ำเงินแกมม่วงจะพบเห็นได้มากใช่ แอฟิกันไวโอเลต บอลลูนฟลาวเวอร์ ไฮเดรนเยีย บลูไอริส เวอร์บีน่า เป็นต้น
ฟ้าประดิษฐ์ เป็นไม้พุ่มที่กิ่งก้านทอดเลื้อย จึงจะนิยมปลูกคลุมดิน ดอกสีน้ำเงินแกมม่วง ดอกจะบานในช่วงเช้าถึงประมาณเที่ยงวันเท่านั้น ออกดอกเดี่ยวหรือเป็นช่อ 1 – 3 ดอก โคนกลีบเชื่อมติดกัน ปลายแยกเป็น 5 แฉก กลางดอกมีสีขาวออกดอกดกในฤดูร้อน โตเร็ว ชอบแดดเต็มวันถึงครึ่งวันเช้า
ดอกไฮเดรนเยีย เป็นดอกไม้ที่จะเปลี่ยนเป็นสีฟ้า ถ้าหากว่าดินมีค่ากรดประมาณ ph 5.2-5.5 ซึ่งสามารถควบคุมได้ ปัจจุบันมีสายพันธุ์ที่นำเข้าจากยุโรปและออสเตรเลียที่ให้ช่อดอกขนาดใหญ่ และมีสีน้ำเงินเข้มชัดให้เลือกปลูกด้วย
บลูไอริส ไม้น้ำที่ปลูกได้ในที่ชื้นอย่างชายน้ำขยายพันธุ์ โดยใช้เหง้า สูงประมาณ 50 เซนติเมตร ชอบแสงแดด รำไรไปจนถึงค่อนข้างแรง ออกดอกสีน้ำเงิน ม่วงแกมเหลือง ส่วนมากออกดอกในฤดูหนาว ทรงใบ และดอกเหมาะกับการใช้ประดับลำธาร
บัลลูนฟลาวเวอร์ เป็นไม้ดอกที่มีอายุหลายปี และมันจะชอบแดดเต็มวัน ใบรูปหอก ออกดอกเดี่ยวหรือออกเป็นช่อที่ปลายยอด มีทั้งดอกชั้นเดียวและดอกซ้อน ดอกตูมรูปกลมโป่งพองคล้ายบัลลูน ดอกบานรูปถ้วยตื้น ปลายแยกเป็น 5 แฉก กลีบดอกมีสีขาว ชมพู และม่วงอมน้ำเงิน กลางกลีบมีเส้นสีม่วงเข้ม
แอฟริกันไวโอเลต เป็นดอกไม้ที่มีทั้งดอกชั้นเดียว และจะมีดอกซ้อนกัน มี 3 รูปแบบ คือ รูปไวโอเลต รูปดาว และรูประฆัง กลีบดอกมีสีขาว ชมพู แดง ม่วง และม่วงอมน้ำเงิน เนื้อกลีบเมื่อถูกแสงแดดจะมีประกายระยิบระยับคล้ายคริสตัล แอฟริกันไวโอเลตชอบแสงรำไร อากาศเย็น ดินปลูกควรมีความชื้นอยู่เสมอ แต่ไม่แฉะ อากาศถ่ายเทสะดวก หากความชื้นในอากาศต่ำ (อากาศแห้ง) ควรวางภาชนะใส่น้ำไว้ใกล้ ๆ หรือฉีดพ่นน้ำให้ต้นเป็นครั้งคราวเพื่อเพิ่มความชื้นในอากาศ